You are currently viewing จุกเสียด กินอะไรก็แน่นท้อง เกิดจากสัญญาณของสุขภาพตับพัง

จุกเสียด กินอะไรก็แน่นท้อง เกิดจากสัญญาณของสุขภาพตับพัง

สำหรับคนที่มีอาการกินอะไรก็แน่นท้อง จุกเสียด คงเกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าเกิดจากอะไร หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบทั่วไป แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นโรคที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก และเมื่อรู้ตัวก็อาจลุกลามจนยากจะรักษาให้หายขาด

การทำความเข้าใจตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน จนถึงแนวทางการดูแลตับให้แข็งแรง จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

ตับ อวัยวะที่ทำงานหนักโดยที่หลายคนมองข้าม

ตับ เป็นอวัยวะสำคัญแต่หลายคนอาจไม่ค่อยให้ความสนใจ แม้จะทำงานหนักทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดสารพิษ ย่อยอาหาร สร้างน้ำดี และสร้างพลังงาน แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ตับอาจส่งสัญญาณเตือนด้วยอาการเบื้องต้นที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง เช่น อาการจุกเสียด แน่นท้อง ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพียงปัญหากระเพาะอาหารหรือแก๊สในลำไส้ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า อย่างโรคตับแข็งตับ เป็นอวัยวะสำคัญแต่หลายคนอาจไม่ค่อยให้ความสนใจ แม้จะทำงานหนักทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดสารพิษ ย่อยอาหาร สร้างน้ำดี และสร้างพลังงาน แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ตับอาจส่งสัญญาณเตือนด้วยอาการเบื้องต้นที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง เช่น อาการจุกเสียด แน่นท้อง ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพียงปัญหากระเพาะอาหารหรือแก๊สในลำไส้ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า อย่างโรคตับแข็ง

ตับแข็งคืออะไร ?

ตับแข็ง (Cirrhosis) เป็นภาวะที่เซลล์ตับถูกทำลายเรื้อรังจนเกิดพังผืด (Fibrosis) ส่งผลให้ตับไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น ท้องมาน ตัวเหลือง หรือเลือดออกง่าย

สาเหตุของตับแข็งที่หลายคนไม่รู้ตัว

โรคตับแข็งไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่มักเป็นผลมาจากพฤติกรรมและโรคประจำตัวที่สะสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งสาเหตุหลัก ได้แก่

  • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เป็นพิษต่อตับโดยตรง ทำลายเซลล์ตับสะสมเป็นพังผืด
  • ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นสาเหตุหลักของตับอักเสบเรื้อรัง และพัฒนาไปเป็นตับแข็ง
  • ไขมันพอกตับ (NAFLD) เกิดจากพฤติกรรมการกินอาหาร น้ำตาลสูง ไม่ออกกำลังกาย
  • ใช้ยาเกินขนาด หรือสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลต่อการทำงานของตับโดยตร
  • พันธุกรรมและโรคระบบทางเดินอาหารอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของตับ

อาการที่เป็นสัญญาณของตับแข็งในระยะแรก

อาการระยะแรกของโรคตับแข็งมักไม่ชัดเจน จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะที่ตับเสียหายมากขึ้น ซึ่งสัญญาณอาการที่ควรระวัง ได้แก่

  • จุกเสียด แน่นท้อง เกิดจากการสะสมของของเหลวในช่องท้อง (Ascites) หรือการทำงานผิดปกติของน้ำดี
  • ท้องอืด ท้องโตผิดปกติ บ่งบอกถึงการสะสมของของเหลวหรือการย่อยไขมันที่ผิดปกติ
  • ปวดชายโครงขวา เนื่องจากการอักเสบหรือตับขยายตัว
  • คลื่นไส้และเบื่ออาหาร เกิดจากระบบย่อยอาหารที่ได้รับผลกระทบ
  • อาการอื่น ๆ เช่น ผิวเหลือง (ดีซ่าน) อ่อนเพลียเรื้อรัง คันตามผิวหนัง และน้ำหนักลด

วิธีป้องกันตับแข็ง ดูแลตับก่อนที่จะสายเกินไป

แม้ว่าตับจะมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ถ้าถูกทำลายจนถึงจุดหนึ่ง การฟื้นฟูอาจเป็นเรื่องยาก เพื่อป้องกันโรคตับแข็ง ควรเริ่มจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยปฏิบัติดังนี้

  • ลดหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ โดยหลีกเลี่ยงการดื่มหนักและต่อเนื่อง
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดไขมันทรานส์ น้ำตาล และอาหารแปรรูป
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงไขมันพอกตับ
  • ตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะหากมีความเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรือมีโรคประจำตัว
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ลดความเสี่ยงการติดเชื้อที่อาจทำลายตับ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริม

อย่าชะล่าใจ! อาการเล็ก ๆ อาจเป็นเรื่องใหญ่

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการจุกเสียด กินอะไรก็แน่นท้อง อย่าชะล่าใจ เพราะอาจเกิดจากอาการที่เกี่ยวข้องกับตับ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับการรักษาอย่างเหมาะสม การดูแลตับตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันโรคร้ายและทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

ดูแลตับของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต!

สุขภาพตับเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตับที่แข็งแรงคือพื้นฐานของการมีชีวิตที่ยืนยาวและปราศจากโรค ดูแลตับของคุณด้วยการปฏิบัติตามวิธีการป้องกันง่าย ๆ เหล่านี้ และเสริมด้วย Livplus อาหารเสริมบำรุงตับ จากสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยฟื้นฟูตับให้กลับมาแข็งแรง ลดอาการแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย และช่วยให้ร่างกายกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 098-264-2464 หรือทักหาเราได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand

ข้อมูลอ้างอิง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคตับแข็ง

อาการกินอะไรก็แน่นท้อง จุกเสียด เกี่ยวข้องกับตับได้อย่างไร ?

อาการจุกเสียด แน่นท้องที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงปัญหากระเพาะอาหารหรือแก๊สในลำไส้ อาจเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของโรคตับแข็งได้ โดยเฉพาะอาการจุกเสียด แน่นท้อง ที่เกิดจากการสะสมของของเหลวในช่องท้อง (Ascites) หรือการทำงานผิดปกติของน้ำดี เนื่องจากตับเริ่มมีปัญหา

การวินิจฉัยโรคตับแข็งทำได้อย่างไรบ้าง ?

แพทย์จะวินิจฉัยโดยใช้หลายอย่างประกอบกัน นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว อาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การเจาะเลือด (เพื่อดูค่าการทำงานของตับ/การสร้างพังผืด) การตรวจอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) หรือการตรวจไฟโบรสแกน (FibroScan) ซึ่งช่วยประเมินระดับความรุนแรงของพังผืดในตับ โดยไม่ต้องเจาะชิ้นเนื้อ

ใครบ้างที่ควรตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ ?

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงควรตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อตับ

ทำไมผู้ป่วยตับแข็งถึงไม่ควรใช้ยาหรือสมุนไพรที่ไม่จำเป็น ?

การใช้ยาเกินขนาด หรือสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน จะส่งผลต่อการทำงานของตับโดยตรง เนื่องจากตับมีหน้าที่กำจัดสารพิษและเมตาบอลิซึมยา การใช้ยาหรือสารแปลกปลอมที่ไม่จำเป็นอาจเพิ่มภาระให้กับตับที่เสียหายอยู่แล้วและทำให้อาการแย่ลงได้ง่าย

ความรู้เรื่องตับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งซื้อสินค้า

ใส่ความเห็น