Table of Contents
หลายคนอาจไม่รู้ว่าการกินของมันบ่อย ๆ หรือการดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยเป็นประจำ อาจทำให้ “ค่าตับ” ของเราสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่สำคัญในการขับสารพิษและเผาผลาญสารอาหาร แต่หากทำงานหนักเกินไป เซลล์ตับอาจเริ่มเสื่อม และส่งผลให้ค่าตับที่ตรวจพบในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าตับของเรากำลังขอความช่วยเหลืออยู่
การทำความเข้าใจว่าค่าตับปกติควรอยู่ในระดับใด และรู้ถึงวิธีลดค่าตับสูงอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพตับได้อย่างยั่งยืน และป้องกันไม่ให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังในอนาค
ค่าตับคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ ?
“ค่าตับ” หมายถึงค่าการทำงานของเอนไซม์ในตับที่ตรวจได้จากเลือด เพื่อใช้ประเมินสุขภาพของตับว่าอยู่ในภาวะปกติหรือมีการอักเสบเสียหาย โดยเฉพาะค่า AST (SGOT) และ ALT (SGPT) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบมากในเซลล์ตับ เมื่อเซลล์ตับถูกทำลาย เอนไซม์เหล่านี้จะรั่วเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ค่าตับสูงขึ้น
ค่าตับปกติมักอยู่ในช่วง
- AST (SGOT): ไม่เกิน 40 U/L
- ALT (SGPT): ไม่เกิน 41 U/L
หากตรวจพบว่าค่าตับสูงกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าตับกำลังทำงานหนักหรือมีภาวะอักเสบ ซึ่งหากปล่อยไว้นานโดยไม่ปรับพฤติกรรม อาจนำไปสู่ภาวะโรคตับเรื้อรัง ตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับได้
ค่าตับสูงเกิดจากอะไรได้บ้าง ? : สาเหตุที่ทำให้ค่าตับสูง
ค่าเอนไซม์ตับสูงอาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ หากเข้าใจสาเหตุและหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่ต้น จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับในอนาคต
พฤติกรรมเสี่ยง เช่น กินของมัน ของทอด ดื่มแอลกอฮอล์
อาหารไขมันสูงและแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นทำให้ตับทำงานหนักขึ้น จนเอนไซม์ตับเพิ่มสูงขึ้นและกลายเป็นปัญหาค่าตับสูงได้
ยาบางชนิดที่มีผลต่อตับ
การใช้ยาบางชนิดต่อเนื่อง เช่น ยาลดไขมัน ยาแก้ปวด หรือยาสมุนไพรบางประเภท อาจทำให้เอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าตับสูงโดยไม่รู้ตัว จึงควรใช้ยาอย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
โรคที่เกี่ยวข้อง เช่น ไขมันพอกตับ เบาหวาน ตับอักเสบ
ผู้ที่เป็นโรคไขมันพอกตับหรือเบาหวานมักพบว่ามีภาวะค่าตับสูงร่วมด้วย เนื่องจากมีการสะสมของไขมันและน้ำตาลในร่างกายมากเกินไป ทำให้ตับอักเสบและทำงานผิดปกติ
ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ความเครียดเรื้อรังและการนอนดึกต่อเนื่อง จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นการอักเสบ ซึ่งส่งผลให้ตับทำงานหนักขึ้นโดยตรง การพักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียดจึงมีส่วนช่วยให้ค่าตับกลับมาอยู่ในระดับที่สมดุล
อาการเตือนที่อาจบ่งบอกว่าค่าตับสูง
ค่าตับสูงมักไม่แสดงอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างที่ไม่ควรมองข้าม หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบตรวจเลือดเพื่อเช็กสุขภาพตับโดยด่วน
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย รู้สึกไม่มีแรงแม้พักผ่อนเพียงพอ เพราะตับทำงานได้ไม่ดีเท่าที่เคย
- แน่นท้องหรือเจ็บชายโครงขวา อาจเกิดจากตับที่เริ่มอักเสบหรือมีไขมันสะสม
- ปัสสาวะเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง สัญญาณของภาวะดีซ่าน เมื่อตับกำจัดสารบิลิรูบินได้ไม่ดี
- ตรวจเลือดพบค่าตับเกินปกติ เช่น ค่า AST หรือ ALT สูงกว่าค่าตับปกติ
หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย หรือรับประทานของมัน ของทอดเป็นประจำ ควรตรวจสุขภาพทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้พัฒนาเป็นโรคตับเรื้อรังในอนาคต
ค่าตับสูงรักษาอย่างไร ? : วิธีลดค่าตับสูง
การรักษาค่าตับสูงต้องเริ่มจากการปรับพฤติกรรมและดูแลตับให้ถูกวิธี เพื่อให้ตับฟื้นฟูได้เต็มที่และลดการทำงานหนักของตับไปพร้อมกัน
การปรับพฤติกรรมการกิน
อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด หรืออาหารที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก จะเพิ่มภาระให้กับตับในการย่อยและขับสารพิษ ทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้น จึงควรลดและหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ และหันไปเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี เช่น
- ปลาแซลมอน ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3
- อะโวคาโด ที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว
- น้ำมันมะกอก มีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพตับและช่วยลดการอักเสบ
การออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนัก
การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดไขมันในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตับทำงานหนัก โดยเฉพาะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญและลดการสะสมของไขมันในตับ อีกทั้งยังจะช่วยลดภาระให้ตับทำงานได้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- แนะนำการออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือฝึกโยคะ
- การควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกายจะช่วยลดไขมันสะสมในตับได้เร็วขึ้น
ดื่มน้ำมากขึ้น และพักผ่อนให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ตับขับของเสียออกจากร่างกาย น้ำจะช่วยให้กระบวนการกำจัดสารพิษจากตับทำงานได้ดีขึ้น จึงควรดื่มน้ำประมาณ 6–8 แก้วต่อวัน และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้ตับทำงานหนักยิ่งขึ้น
เมื่อทำควบคู่ไปกับการพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้เซลล์ตับฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น เพราะในขณะที่คุณนอนหลับ ตับจะสามารถซ่อมแซมตัวเองจากการทำงานหนักในระหว่างวัน ดังนั้นการนอนหลับอย่างเต็มที่จะช่วยรักษาค่าตับให้กลับมาอยู่ในระดับปกติได้
สมุนไพรและอาหารเสริมช่วยลดการอักเสบของตับ
การใช้สมุนไพรบางชนิดสามารถช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับและลดการอักเสบได้
- ขมิ้นชัน : มีสารเคอร์คูมินที่ช่วยลดการอักเสบของตับและช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับให้ดีขึ้น
- อาร์ทิโชก : ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำดี และช่วยลดการสะสมของไขมันในตับ
- ใบแปะก๊วย : มีสารที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของตับ และช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด
การเสริมอาหารจากสมุนไพรเหล่านี้สามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับและลดอาการอักเสบจากการทำงานหนักได้อย่างอ่อนโยน
หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ
การตรวจสุขภาพตับทุกปีเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย หรือทานอาหารไขมันสูง ควรเข้ารับการตรวจค่าตับ (AST / ALT) เพื่อเช็กว่าตับกำลังทำงานได้ดีหรือไม่ และเพื่อตรวจหาภาวะตับอักเสบตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการตรวจเลือดจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุของค่าตับสูง และสามารถแนะนำวิธีการรักษาได้อย่างตรงจุด
LivPlus ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยฟื้นฟูและบำรุงตับ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินของทอด ของมัน หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งคราว และเริ่มกังวลเรื่อง “ค่าตับสูง” Livplus ขอแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงตับจากสารสกัดธรรมชาติ เช่น อาร์ทิโชก ขมิ้นชัน และใบแปะก๊วย เป็นอาหารเสริมบำรุงตับที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ ลดการอักเสบ และฟื้นฟูเซลล์ตับจากภาวะไขมันพอกตับได้อย่างอ่อนโยน พร้อมช่วยให้ระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญกลับมาทำงานได้อย่างสมดุล
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่หน้าเว็บไซต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand
ข้อมูลอ้างอิง
- Elevated Liver Enzymes. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 จาก https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/17679-elevated-liver-enzymes
- Liver problems – Symptoms and causes. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 จาก https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/liver-problems/symptoms-causes/syc-20374502