You are currently viewing เช็ก 8 อาการโรคตับเริ่มแรก รู้ตัวก่อน รักษาได้ง่ายกว่า

เช็ก 8 อาการโรคตับเริ่มแรก รู้ตัวก่อน รักษาได้ง่ายกว่า

“ตับ” เป็นอวัยวะภายในที่ช่วยกรองและกำจัดสารพิษ และยังมีหน้าที่ในการย่อยไขมัน ดูดซึมโปรตีน สร้างโปรตีน รวมถึงผลิตภูมิคุ้มกัน ด้วยเหตุนี้ ความผิดปกติของตับอาจส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายนับไม่ถ้วน และแม้ว่าปกติโรคตับในระยะแรกจะไม่ได้มีอาการที่เด่นชัด แต่หากสังเกตดี ๆ อาจมีสัญญาณโรคตับในระยะแรกแฝงอยู่ 

เช็ก 8 สัญญาณโรคตับ เราเสี่ยงแค่ไหน ? 

เมื่อตับเริ่มถูกทำลายหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายจะส่งสัญญาณออกมาในรูปแบบต่าง ๆ กัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการโรคตับในช่วงเริ่มแรก และนี่คือ 8 อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคตับที่ควรเฝ้าระวังและดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด

หากว่าใครรู้สึกอ่อนเพลีย หมดแรง แม้ว่าจะนอนครบ 8 ชั่วโมง หรือรู้สึกว่านอนหลับไม่สนิท อาจจะเป็นสัญญาณโรคตับ  ซึ่งโดยปกติตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน หากตับป่วยก็อาจจะทำให้ร่างกายได้พลังงานไม่เพียงพอ นอกจากนี้ โรคตับอาจจะไปเปลี่ยนแปลงการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้ระบบการนอนหลับของร่างกายแปรปรวนได้ 

สำหรับคุณผู้หญิง สัญญาณโรคตับนี้จะค่อนข้างชัด เพราะตับเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบฮอร์โมน ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนขาด หรือไม่สม่ำเสมอ บางรายอาจจะพบว่าเต้านมมีการขยาย และสำหรับผู้ชายอาจจะทำให้อัณฑะฝ่อ ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศได้เช่นเดียวกัน หากมีอาการดังกล่าวจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด  

อาการคันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นอาการโรคตับช่วงเริ่มแรกที่พบบ่อย เนื่องจากตับไม่สามารถขับสารพิษและน้ำดีออกจากร่างกายได้ จนสะสมที่บริเวณผิวหนัง ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ซึ่งจะเป็นอาการคันที่ไม่มีผื่น พร้อมกับมีอาการตัวเหลืองและอ่อนเพลียร่วมด้วย แม้ว่าจะสามารถกินยาลดคันและทาครีมบำรุงผิวเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ควรรักษาโรคตับเป็นหลัก จึงจะช่วยให้อาการดีขึ้นอย่างแท้จริง  

สัญญาณโรคตับที่พบได้บ่อย คือ อาการบวมตามอวัยวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหลังเท้า แขน ขา หรือหน้าท้อง เนื่องจากตับทำงานผิดปกติ ทำให้สร้างโปรตีนได้น้อยลง น้ำจึงออกจากหลอดเลือดไปที่เนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ควรรีบเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการคั่งของน้ำที่อวัยวะภายใน 

อาการนี้เป็นอาการแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ทำให้หลอดเลือดมีอาการโป่งและเปราะ ส่งผลให้เลือดออกในกระเพาะอาหาร หากพบว่าอาเจียนออกมาเป็นสีแดงสด หรือสีคล้ายน้ำกาแฟ ร่วมกับอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ชีพจรเต้นเร็ว ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที เพราะอาจจะทำให้เสียชีวิตได้  

ใครที่ป่วยบ่อย หรือป่วยครั้งหนึ่งเป็นนาน กว่าจะหายกินเวลาหลายวัน อาจจะเกิดจากตับที่กรองและกำจัดสารพิษในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง นอกจากนี้ อาจจะมีอาการติดเชื้อซ้ำบ่อย ๆ และมักมีอาการที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น

หากว่าใครมีอาการปวดแน่นหรือปวดจุกบริเวณชายโครงด้านขวา พร้อมกับอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจจะเป็นไปได้ว่าตับเริ่มมีพังผืดหรือเกิดการอักเสบ โดยเฉพาะหลังการรับประทานอาหารมัน ๆ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด  

สัญญาณโรคตับอย่างสุดท้ายที่พอสังเกตเห็นได้คือ มุมปากและริมฝีปากคล้ำผิดปกติ รวมถึงมีอาการปากแห้ง หรือมีอาการขมในปาก น้ำหนักลด ท้องบวม เนื่องจากมีสารพิษสะสมในเลือดมากผิดปกติ   

ถ้าคุณมีอาการดังข้างต้นที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็นอาการใดก็ตามแปลว่าคุณมีสัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคตับ รีบรักษาตับของคุณตั้งแต่วันนี้ก่อนที่จะสายเกินไป มารักตับด้วยกันกับลิฟพลัส

หากคุณเริ่มมีภาวะค่าตับผิดปกติ หรืออยากป้องกันตับเสื่อมจากพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวัน อย่าลืมใส่ใจดูแลตับด้วยอาหารที่เหมาะสม และเลือกเสริมด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก Livplus ที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ คัดสรรสารอาหารที่มีผลต่อการดูแลเซลล์ตับโดยเฉพาะ พร้อมแนะแนวทางการปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะกับสุขภาพของคุณ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 098-264-2464 หรือทักหาเราได้ที่ Facebook:  Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand

ข้อมูลอ้างอิง

  • บทความเกี่ยวกับการนอนหลับกับโรคตับ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 จาก https://taamjib.hd.co.th/t/topic/21106/2 
  • การนอนหลับกับโรคตับเกี่ยวกันอย่างไร?. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 จาก https://liverchula.org/sleep-duration-and-liver-disease/
  • เพลียเพราะนอนน้อย หรือเพราะ “ตับ”. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.bangpakok1.com/care_blog/view/136  

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินยาดักไข้

โรคตับในระยะแรกสามารถตรวจพบจากการตรวจเลือดได้ไหม ? 

ได้แน่นอน การตรวจเลือดเป็นวิธีการคัดกรองความผิดปกติของตับ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไม่ชัดเจน ช่วยบ่งชี้ความเสียหายของตับในระยะเริ่มต้นได้ 

หากไม่มีอาการใด ๆ จำเป็นต้องตรวจค่าตับหรือไม่ ?

แนะนำให้ตรวจค่าตับปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง อย่างเช่น ผู้ที่อายุเกิน 35 ปี มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ นอนดึก กินของทอดบ่อย หรือมีประวัติโรคตับในครอบครัว 

โรคตับเกิดจากการดื่มเหล้าอย่างเดียวหรือไม่ ?

ไม่ใช่ โรคตับสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งไขมัน น้ำตาล ความเครียด นอนน้อย การใช้ยาเกินขนาด

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งซื้อสินค้า

ใส่ความเห็น