ปัจจุบันมียามากมายหลายชนิดที่สามารถหาซื้อกินเองได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นยารักษาอาการเบื้องต้น ไปจนถึงยาที่สั่งซื้อได้เองจากคลินิกและร้านขายยา ทำให้หลายคนกินยากันอย่างไม่ระวัง ซึ่งการกินยาเยอะหลายชนิด สามารถส่งผลข้างเคียงตับได้มากกว่าที่คิด ทั้งการใช้ผิดวิธีและกินเกินขนาด ทั้งยังสามารถก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง จนถึงขั้นตับวายและเสียชีวิตได้
การใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง ภัยเงียบที่อาจทำร้ายตับ
พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อยาแก้ปวด ลดไข้ เป็นหนึ่งในยาสามัญประจำบ้านที่หลายคนมีติดบ้านไว้ แต่ยาชนิดนี้กลับเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ของภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแม้พาราเซตามอลจะมีความปลอดภัยเมื่อใช้ในขนาดที่เหมาะสม (ไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ใหญ่) แต่หากใช้เกินขนาด หรือต่อเนื่องโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ ก็อาจกลายเป็นยาที่มีผลต่อตับ ซึ่งทำให้ตับทำงานหนักจนเกิดภาวะตับวายได้
นอกจากพาราเซตตามอลแล้ว ยังมียาอีกมากกว่า 1,000 ชนิด ที่สามารถก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ยาหลายชนิดถูกถอดถอนและห้ามจำหน่าย หรือหาต้องใช้จะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
เผยสถิติ ! ยาคือสาเหตุหลักของภาวะตับวายเฉียบพลัน
ข้อมูลจากสถิติพบว่า ผู้ที่เกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน กว่าร้อยละ 50 มีสาเหตุมาจากการใช้ยา โดยแบ่งเป็นยาพาราเซตามอล 39% และยาอื่น ๆ อีก 11% สำหรับยาที่มีผลต่อตับที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ (Ciprofloxacin, Erythromycin, Amoxicilin)
- ยาแก้ปวด แก้ข้ออักเสบ (Diclofenac)
- ยารักษาโรคหัวใจ (Aspirin, Amiodarone)
- ยากันชัก (Phenobarbital, Carbamazepine (Tegretol®️), Valproate sodium (Depakin®️), Phenytoin (Dilantin®️))
- ยาลดไขมัน (Statins)
- ยาความดันโลหิต (Methyldopa)
- ยาจิตเวช (Chlorpromazine)
- ยารักษาเชื้อรา (Fluconazole)
- ยารักษาวัณโรค (Isoniazid, Rifampin, Pyrazinamide)
- ยารักษาโรคภูมิแพ้ในกลุ่ม ยาสเตียรอยด์
- ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
- สมุนไพรที่มีความเป็นพิษต่อตับ เช่น ขี้เหล็ก, บอระเพ็ด เป็นต้น
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบจากยา ?
การทานยาที่กล่าวไปข้างต้นจะก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบได้ง่าย และจะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นในกลุ่มคนต่อไปนี้ เพราะยิ่งกินยาเยอะยิ่งจะส่งผลข้างเคียงตับ ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, ไตวายเรื้อรัง, เอดส์, ตับแข็ง หรือผู้ที่มีภาวะตับทำงานผิดปกติ
เนื่องจากตับมีหน้าที่สำคัญในการขับยาและสารพิษออกจากร่างกาย หากตับทำงานบกพร่อง จะทำให้ยาและสารพิษส่วนเกินสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดอาจส่งผลทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันได้
สัญญาณเตือนเมื่อ “ตับพัง” จากการใช้ยา
โดยอาการที่พบบ่อยเมื่อเกิดภาวะตับอักเสบจากการทานยา ได้แก่
- จุกเสียดแน่นชายโครงขวา
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร
- เป็นไข้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระซีด
ควรปรับพฤติกรรมการกินยาอย่างไรไม่ให้ตับต้องเสี่ยง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้ยา โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่จำเป็นต้องกินยาเยอะ จนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตับ ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
- อ่านฉลากยาอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนใช้
- หลีกเลี่ยงการซื้อยาเองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ หรือเภสัชกร
- ห้ามใช้ยาเกินขนาด หรือใช้ยาซ้ำซ้อนในกลุ่มยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย หากพบสัญญาณค่าตับผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์
การดูแลตับให้แข็งแรงคือสิ่งสำคัญ !
หากคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการอักเสบของตับได้ สิ่งสำคัญคือต้องหันมาดูแลสุขภาพตับของตนเองให้มากขึ้น ด้วยการตรวจสุขภาพตับเป็นประจำทุก 3 หรือ 6 เดือน เพื่อป้องกันและสามารถเข้ารับการรักษาภาวะตับอักเสบหากตรวจพบได้อย่างทันท่วงที
ลิฟพลัส ตัวช่วยดูแลตับที่ไว้ใจได้
หากต้องใช้ยาเป็นประจำ หรือเริ่มมีความกังวลว่าการกินยาเยอะจะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงตับ อย่ารอให้ตับส่งสัญญาณเตือน ! ขอแนะนำ Livplus (ลิฟพลัส) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงตับคุณภาพสูง ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติกว่า 12 ชนิด เช่น อาร์ทิโชก ขมิ้นชัน แดนดิไลออน และโสมเกาหลี ช่วยสนับสนุนการทำงานของตับ ลดการสะสมสารพิษ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงตับอักเสบจากยา โดยได้รับการยอมรับจากสถาบันวิจัยประเทศฟินแลนด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตับให้แข็งแรง ลดค่าตับสูง ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่หน้าเว็บไซต์ หรือติดต่อสอบถามได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand
ข้อมูลอ้างอิง
- กพย. : http://www.thaidrugwatch.org/blog/?p=1180
- สยามรัฐ : https://siamrath.co.th/n/119399
- มหาชัย ทีแอลซี คลินิกเทคนิคการแพทย์ : https://www.healthlabclinic.com/ยาที่มีผลต่อตับ/
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ : https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/medications-effect-liver