Table of Contents
โรคตับเป็นภัยเงียบที่ไม่แสดงอาการในระยะแรกอย่างชัดเจน ทำให้หลายคนละเลยอาการเริ่มต้นที่เกิดขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น อาการจุกแน่น เสียดท้อง มีกรดไหลย้อน หรือแม้แต่อาการท้องแข็ง หายใจไม่สะดวก โดยไม่รู้เลยว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าตับของคุณกำลังทำงานผิดปกติ ซึ่งสาเหตุสำคัญล้วนเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การกินของทอดของมันเป็นประจำ การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ตับทำงานหนักต่อเนื่อง จนท้ายที่สุดเกิดเป็นภาวะโรคตับที่ต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามเพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
โรคตับคืออะไร อันตรายหรือไม่ ?
ตับ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษ ย่อยไขมัน สร้างโปรตีน และควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย หากตับเสียหายหรืออักเสบ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบต่าง ๆ และนำไปสู่โรคเกี่ยวกับตับนานาชนิด เช่น
- ไขมันพอกตับ
- ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์
- ตับแข็ง
- มะเร็งตับ
ทั้งนี้ โรคตับอาจพัฒนาอาการอย่างช้า ๆ แต่หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงจนยากต่อการฟื้นฟู
สาเหตุของโรคตับ
โรคตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ การทำความเข้าใจจะช่วยให้หาทางหลีกเลี่ยงและป้องกันปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่มักพบได้เป็นส่วนใหญ่ คือ
บริโภคอาหารที่มีไขมันสูง
หากกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอด อาหารจานด่วน หรือขนมหวานจัดเป็นประจำ ย่อมส่งผลให้เกิดภาวะไขมันสะสมในตับ หรือไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอของภาวะตับอักเสบและอาจลุกลามเป็นโรคตับแข็งได้
ดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลทำให้เซลล์ตับอักเสบและเสื่อมสภาพ หากดื่มเป็นประจำหรือในปริมาณที่มากเกินไป เสี่ยงก่อให้เกิดโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ และนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับในที่สุด
พักผ่อนน้อย เครียดเรื้อรัง
การนอนหลับไม่เพียงพอและมีความเครียดเรื้อรัง จะทำให้ระบบร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่ และอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายใน ที่สำคัญยังจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของตับลดลงด้วย
รับประทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
ยาบางประเภท เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดพิษต่อตับ หรือภาวะตับอักเสบจากยาได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
มีโรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะไขมันพอกตับ เนื่องจากระบบเผาผลาญและการไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติ การควบคุมโรคเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีจึงเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันโรคตับได้
5 อาการโรคตับระยะเริ่มแรก ที่มักถูกมองข้าม
โรคตับมักไม่แสดงอาการให้เห็นเด่นชัดในระยะเริ่มแรก แต่มักมีภาวะเจ็บป่วยที่สามารถสังเกตเห็นได้เหล่านี้
จุกแน่น เสียดท้อง
อาการจุกแน่น เสียดท้อง มักทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเพียง “กรดไหลย้อน” แต่ในความจริงแล้วอาจเกิดจากน้ำดีที่ผลิตโดยตับไหลผิดปกติ หรือระบบย่อยอาหารเริ่มรวน เพราะตับทำงานได้ไม่เต็มที่
ท้องแข็ง พุงโตเร็วผิดปกติ
อีกหนึ่งอาการที่สามารถสังเกตได้ คืออาการท้องแข็ง หายใจไม่สะดวก และพุงโตเร็วผิดปกติ เกิดจากของเหลวคั่งในช่องท้อง (Ascites) อันเป็นผลมาจากตับทำงานผิดปกติและเส้นเลือดในตับมีแรงดันสูง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
หากตับเกิดการอักเสบ อ่อนแอ ส่งผลให้กระบวนการย่อยและดูดซึมอาหารขาดประสิทธิภาพ รู้สึกเบื่ออาหาร ร่างกายอ่อนแอ นำไปสู่การเกิดภาวะน้ำหนักตัวลดลงอย่างผิดปกติได้
ตัวเหลือง ตาเหลือง
ภาวะนี้เกิดจากตับไม่สามารถขจัดสารบิลิรูบินออกจากร่างกายได้ ทำให้สะสมจนเกิดสีเหลืองที่ผิวหนังและตาขาว พบมากในผู้ป่วยตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ
ปวดชายโครงขวา กดแล้วเจ็บ
หากมีอาการปวดหรือเจ็บบริเวณชายโครงขวาเป็นระยะ อาจเกิดจากการอักเสบของตับ หรือการที่ตับเริ่มขยายขนาด
แนวทางการป้องกันและรักษาโรคตับ
สำหรับแนวทางป้องกันและรักษาโรคตับ เพื่อไม่ให้ลุกลามจนยากต่อการรักษา มีดังต่อไปนี้
การป้องกันและลดความเสี่ยงโรคตับ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไขมันสูง ของทอด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากที่สุด
- รับประทานอาหารที่ดีต่อระบบเผาผลาญ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้สดที่ไม่หวานจัด
- งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีสารที่ทำให้ตับอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้
- หมั่นออกกำลังกาย เช่น การเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือโยคะ ช่วยเผาผลาญไขมันสะสมในตับ ลดภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของตับอักเสบเรื้อรังและตับแข็ง
- ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว ช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกทางปัสสาวะและเหงื่อ ลดภาระตับในการกรองสารพิษ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น และลดโอกาสที่สารพิษจะสะสมในร่างกาย
- ติดตามผลการทำงานของตับอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการตรวจเลือดหรืออัลตราซาวนด์ช่องท้อง ตามคำแนะนำของแพทย์
- เสริมด้วยอาหารบำรุงตับ ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ขมิ้นชัน อาร์ติโชค โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ ผู้มีโรคประจำตัว หรือมีอาการโรคตับระยะเริ่มแรก
การรักษาโรคตับ
ควรไปปรึกษาแพทย์หากมีอาการจุกแน่น เสียดท้อง รู้สึกอ่อนเพลียและเบื่ออาหารเรื้อรัง หรือมีภาวะตัวเหลือ ตาเหลือง โดยแพทย์จะทำการตรวจและวินิจฉัย ซึ่งหากพบว่าเป็นโรคตับ จะได้หาแนวปฏิบัติและวางแผนการรักษาต่อไป
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถดูแลสุขภาพตับได้ตั้งแต่ระยะแรก พร้อมกับเสริมด้วยอาหารบำรุงตับ Livplus ที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติ 100% ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล รวมสารอาหารสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับ และขับสารพิษออกจากร่างกาย ลดภาวะไขมันพอกตับ ทั้งยังช่วยเสริมให้ระบบย่อยอาหารและระบบประสาททำงานร่วมกันได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการจุก เสียด แน่นท้อง มีกรดไหลย้อน หรือท้องแข็ง พุงโต จนหายใจไม่สะดวก
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่หน้าเว็บไซต์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand
ข้อมูลอ้างอิง
- Symptoms. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 จาก https://liver.org.au/your-liver/symptoms/
- How Liver Diseases Progress. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 จาก https://liverfoundation.org/about-your-liver/how-liver-diseases-progress/
- Liver disease comes in different forms: Learn to spot the symptoms. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 จาก https://www.healthpartners.com/blog/liver-disease-signs-symptoms/
- Common complaints and symptoms. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 จาก https://liver.org.au/living-well/common-complaints-and-symptoms/
- What Are the Warning Signs of Alcohol-Related Liver Damage?. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 จาก https://www.healthline.com/health/early-signs-of-liver-damage-from-alcohol