You are currently viewing ทำไมอายุมากขึ้น ถึงท้องอืด แน่นท้องบ่อย กรดไหลย้อนถามหา?

ทำไมอายุมากขึ้น ถึงท้องอืด แน่นท้องบ่อย กรดไหลย้อนถามหา?

อายุมากขึ้น ท้องอืด แน่นท้องบ่อย กรดไหลย้อนถามหา เพราะระบบเผาผลาญพัง!
เนื่องจากระบบเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึมของร่างกายคนเราจะค่อยๆ เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น

เมื่อระบบเผาผลาญพัง ร่างกายจะไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารที่รับประทานเข้าไป มาใช้เป็นพลังงาน หรือ ATP ได้ ทำให้ยังมีสารอาหารตกค้าง หมักหมมจนเกิดแก๊ส ท้องอืด แน่นท้อง และเกิดการสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ในร่างกาย

 

โดยจุดสำคัญที่มักจะเกิดการสะสมของไขมันมี 4 จุด คือ

1. ช่องท้อง : การสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องจะทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง และถ้าหากมีไขมันสะสมมากเกินไป ไขมันจะไปเบียดอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งอาจทำให้อวัยวะนั้นทำงานผิดปกติ และเกิดโรคร้ายตามมาได้

2. ใต้ผิวหนัง : สามารถพบการสะสมไขมันในส่วนนี้ได้มากตามบริเวณ หน้าท้อง เอว ก้น สะโพก ต้นแขน ต้นขา หรือที่รู้จักกันดีในนามเซลลูไลต์หรือผิวเปลือกส้มนั่นเอง

3. กล้ามเนื้อ : การสะสมของไขมันบริเวณกล้ามเนื้อมักจะเจอในคนที่อ้วนมาก ๆ และมักเจอในคนที่เป็นโรคเบาหวาน

4. รอบอวัยวะภายใน : ถือเป็นส่วนที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมาก เพราะหากมีการสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องมากๆ ไขมันก็มีโอกาสไปเบียด และไปพอกอวัยวะภายในได้ เช่น อาจจะเกิด “ไขมันพอกตับ”

 

ซึ่งภาวะไขมันพอกตับเป็นภัยเงียบที่ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากทางการแพทย์ยังไม่มียาที่ใช้รักษาได้อย่างเฉพาะเจาะจง

บางรายโชคดีอาจมีสัญญาณเตือนจึงดูแลรักษาได้ทัน แต่ในบางรายไม่มีอาการหรือสัญญาณเตือน ทำให้เมื่อรู้ตัวอีกที ก็สายเกินแก้เสียแล้ว เพราะไขมันพอกตับ สามารถพัฒนาเป็น “ตับแข็ง” และร้ายแรงถึงขั้น “มะเร็งตับ” ได้

 

หากอายุมากขึ้นแล้วเริ่มมีอาการถึงท้องอืด แน่นท้องบ่อย กรดไหลย้อน ควรรีบดูแลระบบเผาผลาญด่วน!
วิธีดูแล และ ซ่อมแซมระบบเผาผลาญ มีดังนี้

1.ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น ยกเวท โดยทำกระจายทุกส่วนเพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อสามารถดึงน้ำตาลในกระแสเลือดมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือ ATP ได้ ทำให้น้ำตาลไม่ไปสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

2.เน้นทานโปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อเป็นตัวช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดี

3.ควรดื่มน้ำ วันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร เพราะการดื่มน้ำ 500 ml. สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 30%

4.ดื่มชา หรือกาแฟ เนื่องจากสารคาเทชิน (Catechin) ในชาเขียวและคาเฟอีน (Caffeine) ในกาแฟ สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารได้

5.หาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดที่ดีต่อร่างกาย เสริมระบบตับ และทางเดินอาหาร เช่น อาร์ติโช๊ค, แดนดิไลออน, ขมิ้น, โสมเกาหลี, แอสตรากาลัส เป็นต้น เนื่องจากตับมีหน้าที่ในการผลิตน้ำดีในการช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน

 

ดังนั้น เมื่ออายุมากขึ้นอย่านิ่งนอนใจ ควรดูแลสุขภาพก่อนสายเกินแก้กันนะคะ ด้วยความห่วงใยจากลิฟพลัส

“ลิฟพลัส” มีสารสกัดธรรมชาติ ถึง 12 ชนิด เช่น อาร์ติโช๊ค แดนดิไลออน ขมิ้น โสมเกาหลี เป็นต้น กระตุ้นการสร้างน้ำดีในการช่วยย่อย ให้ตับและระบบทางเดินอาหารกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สนใจสอบถาม โทร : 098-264-2464 หรือ LINE : @livplusthailand หรือคลิก >> http://bit.ly/LINE-LIV_031

 




ข้อมูลอ้างอิง

โรงพยาบาลกรุงเทพ : https://bit.ly/3OiMpA9

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ : https://bit.ly/3cy0D2U

มหาวิทยาลัยมหิดล : https://bit.ly/36Egl9P

Life Center : https://bit.ly/3Oiy9as

โรงพยาบาลรามคำแหง : https://bit.ly/3Bfj6LV

Wongnai : https://bit.ly/3PReQX1

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งซื้อสินค้า

ใส่ความเห็น